ในบทความนี้จะอธิบายวิธีการติดตั้งและคอนฟิก Apache บน Fedora 11 (x86_64) โดยทดสอบบนเครื่องที่ ติดตั้ง Fedora 11 แบบประหยัดพื้นที่สุด
ใส่แผ่นดีวีดี Fedora 11 แล้วติดตั้งไฟล์ rpm ต่อไปนี้ตามตัวอย่าง
[root@fc11-64min ~]# mount /dev/scd0 /media/ mount: block device /dev/sr0 is write-protected, mounting read-only [root@fc11-64min ~]# cd /media/Packages/
ติดตั้ง Apache Web Server
[root@fc11-64min Packages]# rpm -i apr-1.3.3-4.fc11.x86_64.rpm [root@fc11-64min Packages]# rpm -i apr-util-1.3.4-3.fc11.x86_64.rpm [root@fc11-64min Packages]# rpm -i apr-util-ldap-1.3.4-3.fc11.x86_64.rpm [root@fc11-64min Packages]# rpm -i httpd-tools-2.2.11-8.x86_64.rpm [root@fc11-64min Packages]# rpm -i httpd-2.2.11-8.x86_64.rpm
ติดตั้ง PHP พื้นฐาน
[root@fc11-64min Packages]# rpm -i php-common-5.2.9-2.fc11.x86_64.rpm [root@fc11-64min Packages]# rpm -i php-cli-5.2.9-2.fc11.x86_64.rpm [root@fc11-64min Packages]# rpm -i php-5.2.9-2.fc11.x86_64.rpm
ใช้คำสั่ง service เพื่อรันเซอร์วิสเว็บเซิร์ฟเวอร์
[root@fc11-64min ~]# service httpd start Starting httpd: [ OK ]
ทดลองเปิดจาก browser
เขียนไฟล์ phpinfo.php ใส่ไว้ในไดเร็คทอรี /var/www/html/ เพื่อตรวจสอบคอนฟิกของ Apache และ PHP
[root@fc11-64min html]# cat phpinfo.php <?php phpinfo(); ?>
ตัวอย่างผลลัพธ์จากการเรียกไฟล์ phpinfo.php ผ่าน Web Browser
ในบทความนี้เป็นการติดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์และคอนฟิก PHP แบบพื้นฐานเท่านั้น คือสามารถใช้เขียนโปรแกรมและใช้ฟังก์ชั่นหลักๆ ของ PHP ได้ แต่ยังไม่สามารถใช้ MySQL, GD, SNMP, … ซึ่งเราต้องลงไฟล์ rpm เพิ่มเติมต่อไป